Howl’s Moving Castle ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ อนิเมชั่นในตำนานของสตูดิโอจิบลิ
Howl’s Moving Castle ถือว่าอีกหนึ่งภาพยนตร์อนิเมชั่นที่สร้างสรรค์โดยสตูดิโอจิบลิ ที่ได้สร้างความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2004 โดยอนิเมชันเรื่องนี้ถือว่าเป็นการกลับมาของ ฮะยะโอะ มิยะซะกิ ที่ได้มากำกับอนิเมชันของสตูดิโอจิบลิอีกครั้ง
หลังจากที่เขาได้เกษียณอายุงานตัวเองออกไป แต่สาเหตุที่เขาจำเป็นต้องกลับมาทำการกำกับ ก็เพื่อมาทำงานแทน มาโมรุ โฮโซดะ ผู้กำกับดิจิมอน ที่อยู่ๆก็ดันลาออกอย่างกระทันหันสำหรับตัวเค้าโครงของอนิเมชั่น Howl’s Moving Castle เป็นการดัดแปลงมาจากเรื่องราวในหนังสือที่มีชื่อเดียวกัน โดยเป็นผลงานของ ไดอาน่า ไวนน์ โจนส์
ซึ่งถือว่าเป็นหนังสือที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการที่ผสมผสานไปกับเรื่องราวความรักท่ามกลางไฟสงคราม ซึ่งขอการันตรีความสำเร็จด้วยการที่อนิเมชันเรื่องนี้ได้ถูกเสนอชื่อให้เข้าชิง รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 78 ในปี 2005
– เรื่องย่อของแอนิเมชัน Howl’s Moving Castle
Howl’s Moving Castle เป็นเรื่องราวในยุคที่เมืองแห่งหนึ่งถูกโจมตีด้วยสงคราม โดยหญิงสาวนามว่า”โซฟี”เด็กสาววัยสิบแปดปีที่ต้องรับกิจการร้านหมวกต่อจากผู้เป็นพ่อ ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อมดหนุ่ม“ฮาวล์”จากเหตุการณ์ที่เธอโดนทหารลวนลาม
ซึ่งฮาวล์นั้นเป็นพ่อมดที่ชื่อเสียงที่ขึ้นชื่อมาก ๆ แต่ทุกคนก็ต่างหวาดกลัวเขาจากเรื่องเล่าที่ฮาวล์ชอบกินหัวใจของผู้คน และเรื่องราวทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อแม่มดแห่งทุ่งร้างได้ตามไล่ล่าฮาวล์ และได้สาปโซฟีด้วยความที่เธอหึงหวงฮาวล์ โซฟีจึงกลายหญิงชราเธอจึงต้องหาทางแก้คำสาปเพราะทนรับสภาพของตัวเองในรูปลักษณ์แบบนี้ไม่ได้
โซฟีจึงเดินขึ้นเขามาตามหาปราสาทของพ่อมดฮาวล์โดยเธอได้รับความช่วยเหลือของหุ่นไล่กาแห่งทุ่งร้าง ซึ่งคำสาปที่เธอได้รับนั้นเป็นคำสาปที่เธอจะบอกใครไม่ได้ แต่เพียงคนเดียวที่รู้ก็คือ”คาลซิเฟอร์”ปีศาจไฟ
และเรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยและการหาทางแก้คำสาป โดยไม่ใช่การแก้คำสาปของโซฟีเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะตัวของฮาวล์เองก็มีคำสาปที่เขาจะต้องแก้ไขด้วยเหมือนกัน
– รีวิวแอนิเมชัน Howl’s Moving Castle
ในตัวเนื้อเรื่อง Howl’s Moving Castle ของเราจะได้เห็นแง่มุมของการเมืองและการทำสงครามในยุคสมัยก่อนอีกด้วย โดยตัวแอนิเมชันก็ทำออกมาได้เหมือนกับความเป็นจริงเอามาก ๆ
ซึ่งองค์ประกอบในเรื่องนี้ทางผู้กำกับก็สร้างไม่ให้ดูเด็กจนเกินไป นั้นทำให้เป็นแอนิเมชันที่สามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่เลยทีเดียว และยังมีมุขตลกเพื่อให้ดูไม่เครียดจนเกินไป
และสิ่งที่ดึงดูดหลาย ๆ คนให้เข้ามาดูก็คงจะเป็นความหล่อที่หล่อทะลุจอของพ่อมดฮาวล์ของเรา แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงด้วยดีหรือเปล่า ก็สามารถไปติดตามกันต่อได้ที่ Netflix ได้เลยนะคะ
#อ่านข่าวการ์ตูน #อนิเมะ #อนิเมะใหม่ #มังงะ #Netflix #Howl’sMovingCastle